Tuesday, November 30, 2010

Earl Grey and Honey Madeleine: Fragrance sweet from your own kitchen



Madeleine เป็นของโปรดของพี่สาวปุ๊กค่ะ โดยสูตรที่เธอชอบที่สุดจะเป็น สูตรที่เอามาจากหนังสือ 一流パティシエといっしょに美味しいケーキを作りたい (Make a delicious cake with first-class pâtissier) ที่ปุ๊กเคยเอาทั้งสูตรและหนังสือมาลง นานมาแล้วนะคะ สามารถเข้าไปดูได้ที่นี่ค่ะ
แต่ว่านะ หลายๆคนก็คงรู้นิสัยปุ๊ก ^^อะนะ คือ อยากลองสูตรไปเรื่อยๆ ให้ทำของเดิมอยู่ตลอดก็ไม่สนุกสิ 555 คราวนี้ ก็เลยมาลงตัวกันตรงกลางค่ะ คือ พออ่านเจอสูตร Earl Grey and Honey Madeleine จากหนังสือ Paris Sweets: Great Desserts From the City's Best Pastry Shops โดย Dorie Greenspan ก็คิดว่า อยากลองจัง เพราะทั้งชา และน้ำผึ้ง เมื่อนำมารวมกัน น่าจะหอมมากๆเลยค่ะ แล้วอีกเหตุผลคือ ปุ๊กเพิ่งซื้อชา Earl Grey มา เมื่อตอนไปเที่ยวค่ะ คือ ปุ๊กเองไม่เคยลองชาจาก Fortnum & Mason เลย ก็เลยทำตัวเป็น นักท่องเที่ยวเต็มที่ โดยการซื้อ ชามาในแบบที่เป็น Decorative Tea Caddy Selection ที่จะมีชา 3 แบบอยู่ในแพ็คเดียวกันค่ะ คือมีชา Earl Grey Classic, Royal Blend และ Afternoon Blend ซึ่งพอชิมแล้ว ก็ชอบตัว Royal Blend (stronger tea) ที่สุดค่ะ อาจจะเพราะปุ๊กชอบชาที่รสชาติเข้มๆอะนะคะ แต่ข้อเสียของการซื้อเป็น เซ็ตแบบนี้ คือ ชาทั้ง 2 ตัวติดกลิ่น Earl Grey มาด้วยอะสิ ^^" แต่ก็ยังดีที่ชาเอิร์ลเกร์ยของที่นี่ดีค่ะ เพราะขนาดคนที่ไม่ค่อยดื่ม ชาเอิร์ลเกร์ยยังรู้สึกว่า หอมมากๆเลยค่ะ  
ปุ๊กเอง พอได้ชาหอมๆมา ก็คิอว่าน่าจะลองทำขนมจากเจ้าชาเอิร์ลเกร์ย นี่บ้างค่ะ  ^^. 
แต่ว่า คราวนี้ ก็เลยต้องเอาสูตรมาแปลงค่ะ เพื่อว่า จะเพิ่มชาเอิร์ลเกร์ยและน้ำผึ้งลงไปในสูตรเก่าที่ชอบ โดยไม่ทำให้ความหอม และเข้มข้นของสูตรเก่าหายไปค่ะ ซึ่งผลก็ออกมาไม่เลวเลยค่ะ คุณพี่สาวให้คะแนนผ่าน 555 พร้อมวิจารณ์ว่า หอมดีค่ะ (แบบว่านะ ถ้าทำแล้วไม่มีอะไรต่างจากเดิมเลยก็ไม่ควรจะต้องมานั่งปรับสูตรนะ อิอิ) 
เหมือนทุกครั้งค่ะ เรื่องยี่ห้อของชาเอิร์ลเกร์ย และน้ำผึ้งที่จะนำมาใช้  สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ใช้อันที่ "ชอบ" (อันนี้คือสิ่งที่สำคัญที่สุดค่ะ ในการทำขนม ^^) เพราะเมื่อเราชอบกลิ่นของมันแล้ว เมื่อนำเอามาประกอบเป็น มาเดอลีน เราก็จะชอบกลิ่นของมาเดอลีนเช่นกัน 
 สำหรับคนที่ไม่มีพิมพ์ลายก้นหอย ที่เป็น พิมพ์เฉพาะของเจ้าคุกกี้ชนิดนี้ (หรือบางคนก็จัดว่า มันเป็น เค้กอะนะคะ แต่สำหรับปุ๊ก จะเป็น เค้กเป็น คุกกี้ก็ไม่เกี่ยงค่ะ ของให้อร่อยจะเป็น อะไรก็ได้) ก็สามารถจะอบในพิมพ์ มินิมัฟฟินได้นนะคะ ถึงหน้าตาจะไม่เหมือนกัน แต่ความอร่อยไม่ต่างค่ะ 
ส่วนการแช่ชา ในเนยร้อน ต้องเตือนก่อนว่าอย่าแช่นานเกินไปนะคะ เพราะว่า การแช่นานไปไม่ได้ทำให้รสชาติเพิ่มขึ้นค่ะ เพราะสิ่งที่จะได้เพิ่มมา จะกลายเป็น ความขมแทนค่ะ ถ้าไม่แน่ในให้ลองอ่านที่ซอง หรือคำแนะนำของการชงชายี่ห้อนั้นๆ หรือหากไม่รู้ก็เอาแค่ 5 นาทีก็พอค่ะ เพื่อให้กลิ่นหอม และรสชาติของชาออกมาให้เต็มที่โดยไม่ขมติดลิ้นค่ะ
Madeleine จะอร่อยมาก โดยเฉพาะเมื่ออบเสร็จใหม่ๆค่ะ แต่หากว่า เริ่มแห้งลง (ขนมแบบนี้เก็บได้ 2-3 วันค่ะ) ก็สามารถทานแบบนำไปจุ่มในชา หรือกาแฟได้นะคะ   ^^.
งั้นก็อย่ารอช้าเลยค่ะ มาทำขนมอร่อยๆด้วยกันนะ 



Earl Grey and Honey Madeleine
Makes about 24 



170 g ............................... เนยจืด
150 g ............................... แป้งเค้ก
4 g .................................... ผงฟู
1/8tsp .............................. เกลือ
110 g ................................ ไข่
120 g ................................ น้ำตาลทรายละเอียด
2 tbsp ............................... น้ำผึ้ง
2tbsp ................................ ใบชา กลิ่นEarl grey 

ต้มเนยจนเดือด แล้วเทใบชาลงไป แช่ใบชาไว้ 3-5 นาที แล้วกรองเอาใบชาออก แล้วพักเนยไว้ให้เย็น 
ร่อนแป้ง ผงฟู น้ำตาลและเกลือเข้าด้วยกัน ใส่ลงในชามขนาดกลาง พักไว้
นำไข่ใส่ลงในชาม แล้ววางบนหม้อที่ต้มน้ำไว้ (เดือดนิดๆพอ แล้วอย่าให้ก้นชามติดกับน้ำนะคะ) ตีด้วยที่ตีไข่ไฟฟ้า ที่ความเร็วปานกลาง จนไข่ขึ้นฟูเป็นสามเท่า ขาวข้น (thick ribbon)  ใส่น้ำผึ้งลงไป แล้วตีให้เข้ากัน แล้วนำลงจากหม้อ
เทแป้งลงไป ใช้ที่ตีไข่คนให้เข้ากัน ใส่เนยที่ละลายไว้ (แบ่งเป็น 5-6 ครั้ง) ผสมให้เข้ากันดี (แต่อย่ามากไปนะคะ)

 ปิดด้วยพลาสติกแล้วแช่ตู้เย็น ทิ้งไว้ 1 คืน



เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 190°Cทาเนยที่พิมพ์ Madeleineขนาด12-mold หลุมสองอันแล้วโรยด้วยแป้ง เคาะแป้งส่วนเกินออก (อย่างที่บอกค่ะติดแบบไม่ออกเลย ต้องระวังค่ะ)
ตักมาเดอลีนใส่ลงในพิมพ์ ที่เตรียมไว้
นำเข้าอบประมาณ 10-12 นาที หรือจนสีเหลืองสวยกด แล้วไม่ยุบระวังอย่า overbake นะคะเพราะมาเดอลีนจะแห้งเกินไป
นำออกจากเตา เคาะออกจากพิมพ์ พักไว้ที่ตะแกรง หรือทานเลยค่ะ 

Earl Grey and Honey Madeleine: 
Fragrance sweet from your own kitchen

Saturday, November 27, 2010

November 2010 Daring Bakers Challenge #46: CROSTATA!, Pasta Frolla with lemon curd and fresh berries



Crostata di frutta fresca: หรือ Crostata with fresh fruits, เป็น Crostata แบบที่ปุ๊กเลือกทำสำหรับการบ้านของ Daring Bakers Challenge ในเดือนนี้ค่ะ โดยเดือนนี้ มีคุณSimona จากบล็อกbriciole เป็น โฮสค่ะ ซึ่งเธอต้องการที่จะแนะนำให้ พวกเราได้รู้จักกับ pasta frolla (แป้งพาสตรี้ แบบอิตาเลี่ยน) และให้พวกเราได้เล่นสนุกกับการเลือกใส่ใส้ในแบบของพวกเราเองค่ะ  
สูตรแป้งที่เธอให้มาจะมี 2 แบบค่ะ คือ แป้งแบบ ธรรมดา คือ ใช้ไข่ แป้งน้ำตาล เนย กับอีกสูตรที่เธอแนะนำว่า เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลองใช้ แป้งแบบอื่นๆ หรือ เล่นสนุกกับแป้งแบบใหม่ๆที่มีขายมากขึ้น (อิอิ ปุ๊กเองค่าาาาาาาาาาา^^) โดยแป้งสูตรนี้ จะมีการใช้ อัลมอนด์บด, whole-grain barley หรือ แป้งมะพร้าวด้วยค่ะ
แต่ด้วยความที่ว่า ปุ๊กไม่ค่อยชอบใส่ มะพร้าวลงในทาร์ตเท่าไหร่อะ ก็เลยเลือกที่จะทำแป้งให้เป็น ส่วนผสมของ อัลมอนด์ และ  brown bread concentrate แทนที่เจ้ามะพร้าวไปค่ะ 
สำหรับใส้ ปุ๊กเองจริงๆอยากลองหลายๆอย่างค่ะ แต่ก็มาลงที่  Crostata with fresh fruits ที่ใช้ใส้เป็น พาสตรี้ครีมอะค่ะ แต่พอมาคิดว่า เราทำให้ แป้งออกมานัตตีัขนาดนี้แล้ว  (คือ อัลมอนด์กับ brown bread concentrate ทำให้แป้งหอมแบบถั่วๆมากเลยค่ะ, ปุ๊กกินตอนยังไม่อบไปเยอะมากๆๆๆ 5555) การจะใช้ vanilla pastry cream ก็ดูจะจืดไปสำหรับแป้งค่ะ 
ปุ๊กเลยเลือกที่จะใช้ lemon curd มาทำใส้แทนค่ะ เพราะว่ารสชาติของเลมอนเคิร์ด เนี่ยะจะเปรี้ยวอร่อย แต่ก็จะมีความเนียนนุ่มแบบเดียวกับ พาสตรี้ครีมค่ะ ซึ่งเมื่อนำ มารวมกับผลไม้สด ก็ทำให้รสชาติ ของ Crostata ให้ความรู้สึกสดชื่นค่ะ  
จริงๆแล้ว ก็จะใช้ lemon curd แบบไหนก็ได้นะคะ (ถ้าซื้อที่ซุปเปอมารเก็ตอร่อย ก็ใช้ได้ค่ะ) แต่ปุ๊กก็คิดว่า การทำเองไม่ได้ยากนะคะ แล้วก็แน่ใจได้เรื่องความอร่อยด้วยสิ 555  
สำหรับสูตรทาร์ตหลายๆสูตร มักจะชอบให้ใส่ใส้ลงไป ตอนที่แป้งเย็นตัวลงแล้ว แต่ปุ๊กกลับชอบใส่ lemon curd ลงในแป้งร้อนๆมากกว่าค่ะ เพราะว่า ความร้อน จะทำให้ด้านล่างของ เคิร์ดสุกเล็กน้อย ซึ่งจะช่วยให้ แป้งไม่แฉะมากค่ะ (และปุ๊กยังทาไข่ขาวลงที่แป้ง เพื่อเป็นการกันแฉะไว้อีกชั้นด้วยค่ะ ). 
สุดท้ายปุ๊กก็ได้ Crostata  di frutta fresca แบบที่มี nutty pasta frolla และ lemon curd พร้อมด้วย ผลไม้สด ^^ ออกมาเป็น แบบของตัวเองที่ปุ๊กชอบมากเลยค่ะ งานนี้ ก็คงต้องบอกขอบคุณ คุณSimona สำหรับการนำสูตร pasta frolla ดีๆมาให้ได้ลองทำค่ะ


"The 2010 November Daring Bakers’ challenge was hosted by Simona of briciole. She chose to challenge Daring Bakers’ to make pasta frolla for a crostata. She used her own experience as a source, as well as information from Pellegrino Artusi’s Science in the Kitchen and the Art of Eating Well."


CROSTATA 
Crostata di frutta fresca
(Pasta Frolla with lemon curd and fresh berries)
Make 4 (using 11cm tart pan)






Pasta frolla:
1/3 cup [80 ml, 75 g, 2 2/3 oz.] น้ำตาลทรายละเอียด
1/2 cup [120 ml, 65 g, 2 3/8 oz.] แป้งอเนกประสงค์
1/2 cup [120ml, 65 g. 2 1/4 oz.] แป้งโฮลวีล
1/4 cup [60ml, 28 g, 1 oz] อัลมอนบด
1/4 cup [60ml, 28 g, 1 oz.] whole-grain barley flour หรือ แป้งอเนกประสงค์ (ปุ๊กใช้ brown bread concentrate 10g และแป้งอเนกประสงค์ 18กรัมค่ะ)
เกลือเล็กน้อย
6 tablespoons[90ml, 85 g, 3 oz] เนยจืดเย็น ตัดเป็นชิ้นเล็ก 
1 ไข่
1/4 teaspoon vanilla extract


Filling and Topping:
........................................ Simple lemon curd ครึ่งสูตร
500g .............................. เบอรี่ หรือ ผลไม้สดตามต้องการ 


Red berry glaze:
½cup ............................. แยมเบอรี่แบบไหนก็ได้ ที่เป็นสีแดง (ปุ๊กใช้แยมสตรอเบอรี่ บลูเบอรี่ค่ะ) 
1tbsp .............................. น้ำ


......................................... พิสตาชิโอสับ  


Directions:


ผสมแป้งทั้งหมด น้ำตาล และเกลือลงในชาม คนให้เข้ากัน 
ตัด หรือขยี้เนยให้เข้ากันกับแป้ง จนเป็น ก้อนเล็กๆ (coarse crumbs) 
ทำแป้งให้เป็นหลุมตรงกลาง แล้วเทไข่และวานิลลาลงไป 
ใช้ส้อมคนให้ส่วนผสมเข้ากัน แล้วใช้นิ้วกดๆให้แป้งรวมตัวกัน 
นวดให้พอจับตัวเป็นก้อน กดให้เป็น ก้อนกลม แล้วห่อด้วยพลาสติก พักไว้ในตู้เย็น 2 ชั่วโมง หรือ ข้ามคืน 

เปิดเตาอบที่ 350ºF [180ºC/gas mark 4].
รีดให้เป็น แผ่น แล้ว ตัดวางลงในพิมพ์ที่ต้องการ 
ตัดอลูมิเนียมฟรอย วางลงบนทาร์ต ให้มีขอบเหลืออกมาด้านนอก เพื่อคลุมด้านข้างของแป้งทาร์ต
ใส่ ถั่ว หรือBaking bean ลงไป แล้วนำเข้าอบ 20 นาที 
นำอลูมิเนี่ยมฟรอยที่ใส่เบคบีนออก แล้วอบต่ออีก 5 นาที 
ช่วงนี้ ถ้าแป้งพองขึ้น ให้เอาช้อนกดลงค่ะ 
Note from dailydelicious: เมื่อเอา ฟรอยออก ปุ๊กทาแป้งทาร์ตด้วยไข่ขาว แล้วจึงค่อยนำเข้าอบต่อ อีก 5 นาทีค่ะ เพื่อป้องกันก้นแฉะ เมื่อใส่ใส้ลงไปค่ะ  ^^
นำออกจากเตา แล้ว ใส่ lemon curd ลงไปในแป้งทาร์ตร้อนๆค่ะ 
ใส่แยมลงในชามที่สามารถเข้าไมโครเวฟได้ แล้วอุ่น ประมาณ 20-30 วินาที หรือจนละลายผสมน้ำลงไป แล้วกรองเอาแต่น้ำ 
จุ่มเบอรี่ลงใน jam glaze ก่อนที่จะวางลงบน lemon curd.
ถ้าใช้ เชอรี่ ก็เอาเม็ดออกก่อนค่ะ แล้ว จุ่มลงใน jam glaze ก่อนที่จะวางลงบน lemon curd 
ตกแต่งด้วย พิสตาชิโอสับ 
พักในตู้เย็น ก่อน เสิร์ฟค่ะ 


November 2010 Daring Bakers Challenge #46: 
CROSTATA!, Pasta Frolla with lemon curd and fresh berries

Friday, November 26, 2010

Simple Lemon Curd

ของโปรดของปุ๊กอีกแล้วค่ะ เลมอนเคิร์ด 555 อย่าถามนะ ว่าทำไมเธอมีของโปรดเยอะจัง อย่างว่าค่ะ ก็เป็นคนชอบทานๆๆๆๆค่ะ อะไรอร่อยล่ะก็ชอบไปหมดค่ะ   ^^ 
ก็นะ สูตรนี้ชอบมากค่ะ ทำไปหลายรอบแล้ว เป็นสูตรที่เอามาจากหนังสือ: Bourke Street Bakery โดย Paul Allam และ David McGuiness ค่ะ หนังสือเล่มนี้ เป็น สูตรที่นำมาจากเบเกอรี่ชื่อดังที่ออสเตรเลีย ที่ชื่อเดียวกับหนังสือคือBourke Street Bakery ค่ะ (อยู่ที่ Surry Hills, New South Wales, Australia) ปุ๊กชอบตรงที่สูตรนี้ทำง่ายมากๆค่ะ เปรี้ยวกำลังดี แล้วก็ไม่หวานมาก เรียกว่า ถ้าใครชอบรสชาติของเคิร์ดที่คลีนๆ (คือ ไม่เลี่ยนทานได้ง่ายๆ) ก็น่าจะชอบสูตรนี้เช่นเดียวกันค่ะ 

Simple Lemon Curd


10ฟอง ..................................... ไข่
200g ....................................... น้ำตาลทรายละเอียด
250ml ..................................... น้ำเลมอน
300ml ..................................... Whipping cream 
.................................................. เกลือเล็กน้อย

ใส่ไข่ น้ำตาล เกลือและน้ำเลมอนลงในชามแสตนเลส ใช้ตะกร้อมือตีประมาณ 2-4นาที หรือ จนน้ำตาลละลาย 

ใส่ครีมลงไป แล้วคนให้เข้ากัน แล้วนำชามไปวางบนหม้อที่มีน้ำเดือดอ่อนๆอยู่ คนตลอดเวลาไปเรื่อยๆ ประมาณ10-15 นาที หรือจนกระทั่ง ข้นและเนียน ในระหว่างต้ม ให้คอยใช้พายบาดด้านข้างชามด้วยนะคะ เคิร์ดจะเปลี่ยนไปจนครีมเหลวๆ ไปเป้น ครีมที่มีฟองมาก แล้วก็จะไม่มีฟอง (ประมาณ 5นาทีก่อนที่จะข้นเต็มที่) ที่สำคัญสำหรับการทำคือ ต้องคนตลอดเวลานะคะ ไม่งั้น เคิร์ดจะไม่เนียนเพราะไข่จับตัวเป็นก้อนค่ะ  

เมื่อได้ที่แล้ว นำลงจากเตา คนต่ออีกประมาณ 1 นาที เพื่อให้เย็นลง แล้วใช้ พลาสติกปิดลงไปบนเคิร์ดเลยค่ะ พักไว้ให้เย็น แล้ว นำเข้าแช่เย็น 8 ชั่วโมง หรือ ข้ามคืน ก่อนใช้ค่ะ 


Simple Lemon Curd

Tuesday, November 23, 2010

Happy Birthday My Dearest Niece: Iris' First Birthday Cake, Strawberry dream cake

เวลาผ่านไปเร็วจริงๆเลยนะคะ หลังจากที่ตื่นเต้นกับการมีสมาชิกใหม่ในบ้านได้ไม่นาน ตอนนี้ เจ้าตัวเล็กแสนซน อายุได้ 1 ขวบแล้วค่ะ 
ดังนั้น สิ่งที่ปุ๊กจนทำให้หลานได้ ตอนวันเกิดก็คงหนีไม่พ้น เค้กวันเกิดสำหรับ เจ้าตัวยุ่งนี่ล่ะค่ะ  ^^เรียกว่า ยินดีมากๆเลยที่จะได้ทำให้นะ 
แต่ว่านะคะ เพราะเจ้าตัวเองยังเด็กเกินที่จะรู้เรื่อง งานนี้ก็เลย เป็น ออเดอร์ของคุณแม่ค่ะ 555 เอาล่ะ ไม่เป็นไร ยังไงเธอก็เป็น พี่สาวของเราอยู่แล้ว ยอมค่ะ เค้กจึงออกมาเป็น เค้กที่ถูกใจคุณแม่เป็น พิเศษคือ เป็น บัตเตอร์เค้ก และบัตเตอร์ครีมค่ะ เรียกว่าเป็น ของโปรดเธอ เลยล่ะค่ะ 
แต่ปุ๊กก็แอบทำนอกเหนือคำสั่งค่ะ เพราะปุ๊กไม่อยากใช้บัตเตอร์เค้กอะสิ กลัวค่ะ ว่าเค้กจะออกมาหนักเกินไป ปุ๊กก็เลยเอาเป็น สปันจ์แบบไข่มันเยอะแทน เรียกว่า กะจะหลอกเธอเหมือนกันนะ อิอิ แต่ดันจับได้ซะก่อน -*- ตอนที่กำลังจะประกอบเค้กค่ะ แต่ก็โอเคค่ะ เพราะหลังจากที่ให้ชิมก็บอกว่า ผ่าน 555 เพราะเป็น สปันจ์ที่มีไขมันมากจึงไม่แห้งเหมือนกับสปันจ์ทั่วไปค่ะ โดยเบสของสูตรนี้ มาจากหนังสือ : The SoNo Baking Company Cookbook: The Best Sweet and Savory Recipes for Every Occasion โดย John Barricelli, แต่ ปุ๊กเปลี่ยนเอาเนยละลายลงไปใส่แทนน้ำมันครึ่งส่วน เพื่อให้เค้กมีกลิ่นของเนยมากขึ้นค่ะ 
เนื่องจากการที่ คุณพี่สาวต้องการให้ ตกแต่งเค้กด้วย เบอรี่สด ดังนั้น ใส้ในของเค้ก ก็ต้องไปด้วยกันได้ค่ะ ปุ๊กจึงเลือกที่จะใช้ สตรอเบอรี่สด และบัตเตอร์ครีม สตรอเบอรี่เป็น  filling ค่ะ ซึ่งได้รับการวิจารณ์ว่า รสชาติ ช่างเหมือนกับป๊อกกี้รสตรอเบอรี่เสียเหลือเกิน 555 เอาเป็น ว่า ใครชอบป๊อกกี้ สตรอเบอรี่ก็ลองทำทานได้นะคะ 
คราวนี้ เพื่อให้ เค้กออกมาสมใจ ปุ๊กแบ่งงานออกเป็น 2 วันค่ะ โดยวันแรก ปุ๊กอบเค้ก และใส่ใส้ แล้วแช่เย็นไว้ก่อนค่ะ แล้ววันที่ 2 จึงเริ่มทำ Italian meringue buttercream และงานตกแต่งทั้งหมดค่ะ ซึ่งเค้กรอบนี้ สิ่งเดียวที่กินเวลามากที่สุดสำหรับปุ๊กคือ การทำ กุหลาบค่ะ โดยเค้กนี้ จะใช้กุหลาบประมาณ 50-55 ดอกค่ะ (ทั้งสีขาว และสีชมพูนะคะ) โดยแนะนำว่า ถ้าใครทำตามให้ใช้หัวบีบกุหลาบ เบอร์ 102 และ 104 เพื่อว่า จะได้ดอกเล็กและใหญ่คละกันค่ะ ซึ่งจะทำให้เค้กออกมาน่ารักขึ้นนะคะ  ^^ ทริคง่ายๆที่ปุ๊กใช้คือการบีบดอกกุหลาบลงบน กระดาษรองอบค่ะ แล้วนำไปแช่ช่องแข็งไว้ จนกระทั่งเราพร้อมที่จะตกแต่งซึ่งวิธีนี้ ทำให้เมื่อเราต้องการจะขยับดอกกุหลาบก็จะง่ายขึ้น และดอกกุหลาย จะไม่เละง่ายด้วยค่ะ  
ปุ๊กถูกใจเค้กรอบนี้มากๆเลยค่ะ ^^ แล้วก็ คงต้องพูดอีกรอบค่ะว่า "Happy Birthday Iris!"


Strawberry dream cake
make 1 cake 
(2tiers cake, 1-12cm and 1- 16cm)


Yellow sponge cake
85g .................................. แป้งเค้ก
60g .................................. แป้งข้าวโพด
4 ...................................... ไข่
4 ...................................... ไข่แดง
130g ................................ น้ำตาลทราย
1tsp ................................. เกลือเม็ดหยาบ
1tbsp ............................... Vanilla extract
½cup .............................. น้ำมันพืช
½cup .............................. เนยจืดละลาย (อุ่นๆ)

Strawberry syrup
50g ................................  น้ำตาล
50cc .................................. น้ำ
2tbsp ............................... Crème de fraise

Strawberry buttercream
150g ................................ เนยจืด
140g ................................ Strawberry puree
35g .................................. น้ำตาลทราย

250g ............................... สตรอเบอรี่
125g ................................ ราสเบอรี่

เปิดเตาอบที่ 375°F หรือ 190°C.
ร่อนแป้งและแป้งข้าวโพดเข้าด้วยกัน พักไว้ 
วางกระดาษรองอบลงในพิมพ์ขนาด 40x30 
ผสมเนยละลายและน้ำมันเข้าด้วยกัน 




ตีไข่, ไข่แดง, น้ำตาล และเกลือเข้าด้วยกัน จนฟูและขาวข้น (thick ribbon).




ใส่วานิลลาแล้วตีให้เข้ากัน 
ใส่แป้งที่ร่อนไว้ลงไป แล้วตะล่อมให้เข้ากัน 
ค่อยๆเทส่วนของเนยละลายลงไป แล้วตะล่อมให้เข้ากัน 
เทส่วนผสมลงในพิมพ์ที่เตรียมไว้ 



นำเข้าอบประมาณ 18-20 นาที หรือ จนสีทองสวย และเมื่อใช้ปลายนิ้วแตะเบาๆ หน้าเค้กไม่ยุบตัวลง นำออกจากพิมพ์ แล้วพักไว้บนตะแกรงพักขนม

Make Strawberry buttercream:


ตีส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน จนเข้ากันดี


Make the Simple syrup:


ใส่น้ำและน้ำตาลลงในหม้อ แล้วนำขึ้นตั้งไฟจนเดือด แล้วพักให้เย็น 

ผสม Crème de fraise ลงใน น้ำเชื่อม

Assemble :
ตัดเค้กเป็น 4 ชิ้น 
ขนาด16 cm.2 ชิ้น และ  12 cm 2 ชิ้น
Note: ให้ตัดชิ้นใหญ่ก่อนนะคะ แล้วค่อยตัดชิ้นเล็ก โดยชิ้นเล็กชิ้นนึงจะเป็น ครึ่งวงกลม 2 อันต่อกันค่ะ 


วางเค้กชิ้นใหญ่หนึ่งชิ้นลงในจาน แล้วพรมด้วยน้ำเชื่อมให้ทั่ว ปาดบัตเตอร์ครีม สตรอเบอรี่ลงบนเค้ก แล้ววางสตรอเบอรี่ฝานลงไป แล้วปาด บัตเตอร์ครีมทับอีกรอบ แล้ววางทับด้วยเค้ก 
พรมน้ำเชื่อมที่เค้กอีกรอบ แล้วห่อเค้กด้วยพาสติกแร็ป แล้วนำเข้าแช่ในตู้เย็น
ทำแบบเดียวกันกับเค้กก้อนเล็ก 

Italian Meringue Buttercream

115 g
ไข่ขาว
210 g
น้ำตาล
1/4cup
น้ำ
335 g
เนยจืด (นิ่ม แต่ไม่เละ)
เกลือเล็กน้อย

ทำ sugar syrup, ใส่ candy thermometer (เทอร์โมมิเตอร์สำหรับวัดน้ำตาล) ลงในหม้อ ใส่น้ำ และน้ำตาล 170 กรัม ลงในหม้อ แล้วนำขึ้นตั้งไฟปานกลาง (ใช้ฝาปิดไว้นิดๆ จะช่วยให้ไม่มีเกล็ดน้ำตาลขึ้นด้านข้างค่ะ)
ตีไข่ขาวโดยใช้ความเร็วสูง จนตั้งยอดแข็ง แล้วค่อยๆใส่น้ำตาลที่เหลือลงไป โดยยังตีที่ความเร็วสูงอยู่
เมื่อ sugar syrup มีอุณหภูมิ 245°F เทลงในเมอแรงค์อย่างช้าๆ
ตีต่อไปอีก 1-2 นาที แล้วลดความเร็วเป็นปานกลาง ตีต่อไปอีก 3-4 นาที หรือจนกระทั่งเมอแรงค์เย็นลง
ค่อยๆใส่เนยลงไปครั้งละประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ตีด้วยความเร็วสูงประมาณ 1-2 นาที หรือจนกระทั่งเข้ากันดี ปรุงรสด้วยเกลือเล็กน้อย



ใช้บัตเตอร์ครีมปาดให้ทั่วเค้ก แล้วนำเค้กก้อนเล็กมาวางทับบนเค้กก้อนใหญ่ แล้วตกแต่งด้วยบัตเตอร์ครีมรูปกุหลาบ และเบอรี่สด 


Happy Birthday My Dearest Niece:
 Iris' First Birthday Cake
21 Nov 2010

Friday, November 19, 2010

Quatre-Quarts au Chocolate: Simple chocolate pound cake in my new stylish loaf pan

Quatre-Quarts au Chocolate หรือ จะเรียกง่ายๆก็คือ Chocolate pound cake ค่ะ เรียกว่าเป็นเค้กที่เรียบง่าย แล้วก็อร่อยนะคะ  ^^, แล้วยังทำได้ง่ายๆด้วยสิ 
ว่าไปต้องขอสารภาพก่อนค่ะ ว่าเหตุผลที่แท้จริงในการทำขนมเค้กชิ้นนี้ ไม่ใช่อะไรเลย พอดีปุ๊กได้พิมพ์ขนมมาใหม่ค่ะ เป็น พิมพ์ที่อยากได้มานานแล้ว ในที่สุดก็ตัดใจซื้อมาจนได้ 555 เป็น พิมพ์ที่มีชื่อว่า"Stylish loaf pan with removable base"(スタイリッシュパウンド型底取れ),ที่มาจากไลน์อุปกรณ์ทำขนม Many Many Make ของคุณ Makiko Fujino (藤野真紀子)ค่ะ คราวนี้ พอได้พิมพ์มา ก็เกิดอาการ อยากใช้ๆๆๆๆ มากๆเลยล่ะค่ะ ^^ จริงๆหาสูตรหน่ะ ไม่ยากหรอกนะคะ (เพราะมีเยอะแยะค่ะ อิอิ) แต่ปัญหาใหญ่คือ ทำได้แค่ครั้งล่ะสูตรนะสิ ก็เลยต้องเลือกๆๆๆ อะไรที่เราอยากทำจริงๆค่ะ  -*-.
รอบนี้ ก็เลยไปลงที่หนังสือ Paris Sweets: Great Desserts From the City's Best Pastry Shops ของคุณ Dorie Greenspan ซึ่งปุ๊กเองได้หนังสือเล่มนี้มา7 เดือนได้แล้วค่ะ แต่ก็ยังไม่ได้ลองทำสักสูตรเลย (แต่ปุ๊กว่า เพื่อนก็คงขำอีกอะค่ะ ว่า พูดซะดีว่า ลองสูตร แต่กลับเอาสูตรที่ง่ายๆๆๆๆมากๆ มาทำ อิอิ แต่ก็นะ ของง่ายๆแต่อร่อยก็ดีไม่ใช่เหรอคะ ^^) 
เพราะเท่าที่เปรียบเทียบกับสูตรอื่นๆ สูตรนี้ ก็ดูน่าสนใจค่ะ เพราะว่าในตัวเค้กมีช็อกโกแลตละลาย ซึ่งน่าจะให้รสชาติช็อกโกแลตได้ดี , น้ำตาลทรายแดงในสูตรก็น่าจะทำให้เค้กชุ่มฉ่ำขึ้น แล้วยังมีไข่แดงมากกว่าสูตรอื่น ซึ่งมีผลทำให้เค้ก rich ขึ้น แต่ไม่เพิ่มความรู้สึกเลี่ยนค่ะ ดังนั้น ในเมื่อมีเหตุผลสนับสนุนขนาดนี้แล้ว เค้กสูตรนี้ ก็เลยได้รับสิทธิ์ในการ ลงไปอยู่ในพิมพ์สวยของปุ๊กค่ะ 555
แต่ว่า ก็ต้องปรับสูตรไปนิดหน่อยค่ะ เพื่อว่า จะได้เข้าไปอยู่ในพิมพ์ได้พอดี แล้วก็โชคดีที่ เมื่อปรับแล้ว อบออกมา ก็ถูกใจพอควรเลยค่ะ 

สรุปว่า ปุ๊กชอบสูตรนี้เลยล่ะค่ะ อย่างแรกคือ อร่อย (อิอิ คิดว่า ปุ๊กจะบอกว่า สวยใช่ปะ แต่เปล่านะ เอาเข้าจริง ขนมเนี่ยะ ก็ต้องรสชาติดีก่อนค่ะ เป็นเรื่องสำคัญที่สุด ส่วนเรื่องหน้าตานี่มาเป็นที่สองนะคะ) อย่างที่สองคือ พออบในพิมพ์นี้แล้วออกมาสวยเชียวล่ะ แต่ก็ปุ๊กมีเรื่องต้องเตือนเล็กน้อยค่ะ เพราะว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ จากการอบขนมในพิมพ์เล็กๆ ก็คือ การที่ขนมจะแห้งเกินไปค่ะ ดังนั้น เวลาอบที่ปุ๊กให้ไว้ เป็นเพียงข้อแนะนำเท่านั้นนะคะ เตาอบของแต่ล่ะคนไม่เหมือนกัน เวลาอาจจะมากหรือน้อยกว่าได้ ต้องคอยเช็คให้ดีนะคะ จะได้ไม่เกิดปัญหาอย่างที่ว่าค่ะ 
ในส่วนของพิมพ์ สามารถใช้พิมพ์ขนาดอื่นได้นะคะ เช่น  27x5.7x4cm เพราะปุ๊กก็พอรู้ค่ะ ว่าไม่ใช่ทุกคนจะบ้าเก็บพิมพ์รูปร่างแปลกๆแบบปุ๊ก 555  

Quatre-Quarts au Chocolate (カトルカール・オ・ショコラ) =Chocolate pound cake (チョコレートのパウンドケーキ)


Quatre-Quarts au Chocolate
(Chocolate Pound Cake)
Make 14.5x7.5x6.5cm cake, or 27x5.7x4cm cake


30g .................................. ดาร์กช็อกโกแลต (Dark chocolate)
40g .................................. แป้งอเนกประสงค์
¼tsp ............................... ผงฟู
35g ................................... เนยจืด
45g ................................... น้ำตาลทรายแดง
1 ....................................... ไข่
1 ....................................... ไข่แดง
20g .................................. Crème fraîche
.......................................... เกลือเล็กน้อย
20g .................................. พิสตาชิโอ

เปิดเตาอบที่ 170°C
วางกระดาษรองอบลงในพิมพ์ 
ร่อนแป้งรวมกับเกลือ และผงฟู 
ละลายช็อกโกแลต โดยใส่ลงในชาม และ วางบนชามน้ำอุ่น ที่มีอุณหภูมิประมาณ 50-55°C


ตีเนย และน้ำตาลทรายแดงจนฟูขาว แล้วใส่ไข่ และไข่แดง ทีล่ะฟองแล้วตีให้เข้ากัน 
เทช็อกโกแลตละลายลงในส่วนผสมของเนย และตามด้วย crème fraîche และคนให้เข้ากัน 


ใส่ส่วนผสมของแป้งลงไปและตะล่อมให้เข้ากัน 


ตักลงในพิมพ์ที่เตรียมไว้ แล้วโรยด้วยพิสตาชิโอ 
นำเข้าอบประมาณ 25-30 นาที หรือจนเมื่อใช้ไม้แทงลงไปในเนื้อแล้วไม่มีเศษเค้กติดออกมา 

Quatre-Quarts au Chocolate: 
Simple chocolate pound cake in my new stylish loaf pan

Printfriendly